หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

บันทึกบุญ๑



บันทึกทางบุญ
วันที่ 5 กรกฎาคม 2551
ผู้ร่วมเดินทาง พี่โหน่ง ปุ๊ย เหมี่ยว แป้ง แก้ว
สวัสดีครับผู้ร่วมก่อการบุญทั้งหลาย วันนี้เรานัดกันไปคุยความคืบหน้ากันที่วัดพระพุทธฉาย กับวัดเขาขี้เหล็ก ตามที่ได้ประชุมกัน เรานัดกันที่ บองมาเช่ ๑๐.๐๐ น.แต่กว่าจะยุรยาตรออกจากที่นั่นได้ก็ปาเข้าไป ๑๑ โมง เพราะมีเบื้องหลังคือ เราจะไปแวะทานข้าวกลางวันกันที่ เกียวอันกันก่อน แล้วค่อยเข้าไปที่วัดพระพุทธฉาย
พวกเรา พี่โหน่ง ปุ๊ย กับผม ตกลงกันว่าเราจะเสียสละโดยการจอดรถไว้ที่บองมาเช่ แล้วเราจะนั่งรถเหมี่ยวไปแทน เพราะเหมี่ยวขับรถเก่ง รถเหมี่ยวนั่งสบาย แถมยังมีที่พอให้ใส่น้ำ ใส่ดอกไม้ที่เราจะนำไปถวายพระได้ (สรุปคือพวกเราขี้เกียจขับ)
พอขึ้นทางด่วน ถึงด่านดอนเมือง ด่านเดิมที่เหมี่ยวเคยโดนจับข้อหาขับรถเร็ว ตำรวจเพียบเหมือนเดิม ด้วยความกลัวของเหมี่ยว พอถึงด่านมัวแต่ดูตำรวจ ดันลืมให้เงิน จนเจ้าหน้าที่ต้องเตือน แต่เราก็ผ่านด่านมาได้อย่างปลอดภัย ไม่โดนตำรวจจับ สงสัยตำรวจคงไม่อยากได้พระแล้ว เพราะจับเหมี่ยวทีไร เหมี่ยวแจกพระทุกที
พอผ่านจุดนั้นมาได้ พวกเราก็โล่งอก หาเรื่องคุยฆ่าเวลา เริ่มเม้าท์กัน แต่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถนำมาเล่าให้พวกท่านฟังได้ เพราะแต่ละเรื่องเฉียดคุกกันทั้งนั้น เอาเป็นว่าข้ามรายละเอียดเรื่องนี้ไปแล้วกัน
พอถึงวังน้อย ก็แวะเติมน้ำมันกัน แป้งบอกว่าให้เอาเงินกองกลางออก เหมี่ยวไม่ยอมบอกไม่เป็นไร แต่แป้งยืนยันว่าเรามาทำงาน ไม่ได้มาเที่ยว เหมี่ยวจึงยอม แต่ปุ๊ยบอกว่าให้จดเลขกิโลไว้ พอขากลับถ้าน้ำมันเหลือ ให้สูบน้ำมันคืน หรือตีเป็นราคาให้เหมี่ยวคืนเงินมา
กว่าจะออกจากปั๊มได้ก็เสียเวลาอีก เพราะปุ๊ยดันอยากขับ ต้องแย่งกับเหมี่ยว สุดท้ายปุ๊ยได้ขับ พอนั่งที่คนขับ ปุ๊ยก็หันมาบอกกับพวกเราว่า “บอกทางชั้นด้วย เพราะชั้นไม่เคยมา” (เวรล่ะกู) พออกเดินทาง ปุ๊ยก็ยังขับไปเม้าท์ไปไม่หยุด แถมขับไปไอไป ตอนไอมันดันหลับตาด้วย คิดดูสิครับ ขับด้วยความเร็ว ๑๒๐ แล้วสภาพแบบนี้ (เวรล่ะกู)
๑๒.๓๐ เราเดินทางมาถึงโรงแรมเกียวอันโดยสวัสดิภาพ แต่กว่าจะเข้าโรงแรมได้ ปุ๊ยก็ขับเลยทางเข้า ต้องไปวนให้เสียวเวลา(กิน)อีก พอถึงห้องอาหาร เราก็ระดมสั่งอาหารกันทันที ข้าวผัดพริกขี้หนู ใส่แฮม,ข้าวผัดปู พร้อมอาจาด,กุ้งดอง,โกยซีหมี่,สลัดเนื้อสัน
ผมกำลังจดบันทึกอยู่ ปุ๊ยเห็นก็แย่งไปเขียนบ้าง
อันนี้ปุ๊ยขอเขียนบ้างค่ะ แก้วกินกระเทียมไม่ได้ เลยสั่งข้าวผัดเนื้อ ใส่พริก อร่อยโคตรๆ คุณอ๋อยเค้าแถมพล่าหมูมะเขืออ่อน กับหมี่กรอบด้วย อร่อยมากๆอีกแล้ว อยากเขียนเยอะๆ กะว่าจะเขียนไป ขับรถไป แต่ก็เกรางจะถูกเพื่อนๆร่วมทางคัดค้าน ห้องข้างๆมีทหารมาทานเลี้ยงกัน มีร้องเพลงด้วย พี่โหน่งจะขอตัวไปร่วมงานกับค้าด้วย แต่ถูกห้ามไว้เช่นเคย
พออาหารเริ่มมาเสิร์ฟ ปุ๊ยก็ขว้างปากกาทิ้ง หันไปทานอย่างไม่พูดไม่จา หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว เราก็เริ่มทำงานกันเลย โดยเราเชิญคุณอ๋อยมาคุย เพื่อจะได้เลือกรายการอาหารที่จะไปเลี้ยงพระกันในวันที่ ๑๒ สิงหาคมนี้ ในที่สุดสรุปได้ว่า เอาเมนู set ที่ ๒ เพราะพี่โหน่งชอบ แกงป่าไก่สับ รายการอาหารมีดังนี้ ปูหลน+ผักสด,ผัดผักรวมมิตร ใส่ไก่ ใส่ปลาหมึก,แกงป่าไก่สับ,ไข่เจียวหมูสับ,แกงจืดรวมมิตรหม้อไฟ,ข้าวสวย และขนมคือ สามแซ๋ เหมี่ยวบอกว่าขอไว้เลี้ยงพระ ๖ ชุด แต่เผื่อแขกผู้ใหญ่อีก ๑ ชุด คุณอ๋อยบอกว่าจะจัดไปเผื่อให้ ถ้าไม่ทาน ไม่คิดเงิน ส่วนราคาอาหารนั้น จะแจ้งให้ทราบทีหลัง
ทางเกียวอันจะจัดอาหารไปส่งให้ พร้อมพนักงาน คิดแต่ค่ารถ ส่วนค่าพนักงานนั้น แล้วแต่เราจะให้ เราเลยได้ใจ ฝากคุณอ๋อยสั่งข้าวเหนียวหมูย่าง ไก่ย่าง จากเจ้าอร่อยในตลาด ให้ไปส่งพร้อมกันเลยทีเดียว ซึ่งคุณอ๋อยก็โอเค
๑๔.๑๗ ได้เวลาเคลื่อนพล ค่าอาหารนั้น ทั้งหมดแค่ ๗๕๙ บาท พี่โหน่งกับเหมี่ยวบอกว่า ขอออกแค่ร้อยเดียว ปุ๊ยรำคาญ บอกว่า ชั้นเพิ่งถ่ายโฆษณามา ชั้นเลี้ยงเอง พวกเราก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี่
ระหว่างเดินทางไปที่รถ พี่โหน่งบอกว่า ดีที่เราไม่เชิญพ่ออี๊ดมาด้วย เพราะจริงๆแล้ว เรามาเที่ยว มาทานอาหารกันเฉยๆ (นี่ แอบฟ้องเลยครับ) พอขึ้นรถก็มีเรื่องโวยวายอีกจนได้ เพราะนังปุ๊ยไปวัดพระพุทธฉายไม่ถูก แต่อยากขับ พวกเราก็ก่นด่าด้วยถ้อยคำผรุสวาทที่ไม่สามารถนำมาเล่าได้ (อีกแล้ว) พอด่ากันเสร็จ ก็เม้าท์เรื่องคนอื่นต่อ
ไม่นานเราก็มาถึงวัดพระพุทธฉายโดยสวัสดิภาพ หลวงพ่อฤษีกำลัง on line อยู่ เหมี่ยวขอโทษหลวงพ่อที่มาช้า เพราะพี่โหน่งชวนทานข้าวนาน แล้วเราก็เริ่มคุยกับหลวงพ่ออย่างเป็นทางการ ต่อไปนี้คือข้อสรุปครับ
· เรื่องต้นกัลปพฤกษ์ ทางกรมป่าไม้จะจัดเตรียมไว้ให้ แต่ให้ทางวัดจัดต้นไม้ ๑๐ พันธ์ ตามที่ได้เคยคุยกันไว้ ประมาณ ๒๐๐ ต้น คละกันมา หลวงพ่อบอกว่า ต้นที่ยังไม่ควรปลูกก่อนก็คือ ต้นจิกน้ำ เพราะเป็นต้นไม้ที่ต้องการน้ำมาก น่าจะเป็นต้นสารภีก่อน เพราะจะโตเร็ว
· เรื่องบริเวณที่ๆจะปลูกต้นไม้ ตอนนี้ได้มีการถางที่ไว้เป็นบางส่วนแล้ว ตรงที่ๆมีปัญหา ยังไม่ต้องปลูกค่าใช้จ่ายในการถากถาง มีโยมอุปัฏฐากได้ออกให้ไปแล้ว
· เรื่องน้ำที่จะใช้ หลวงพ่อบอกว่า วันงานไม่มีปัญหา
· เรื่องรถสุขา ทางป่าไม้ได้จัดให้ ๓ คัน จอดข้างบน ๑ คัน จอดข้างล่าง ๒ คัน เรื่องค่าใช้จ่าย ทางเราเป็นผู้ออก
· เรื่องที่จอดรถวันงาน หลวงพ่อบอกว่า ให้จอดที่โรงเรียนวัดศรัทธาเรืองศรี และที่วัดบ้านไร่ พวก VIP ให้จอดบริเวณวัดได้ไม่เกิน ๑๕ คัน ส่วนบัตรจอดรถ หลวงพ่อบอกว่า ไม่น่าจะมี เพราะจะเป็นการแบ่งชนชั้น
· เรื่องลูกเสือที่จะมาช่วยงาน ใช้เด็กนักเรียนชุมชนมาช่วย ประมาณ ๓๐ คน ส่วนจำนวนทหารยังบอกไม่ได้ อยู่ที่เจ้าอาวาสจะพิจารณา ค่าใช้จ่าย ทางเราเป็นผู้ออก
· เรื่องอาหาร ทางวัดจะมีขนมจีน น้ำยา และข้าวหลาม จากบ้านบึง ทางเราก็จัดของเรามา ส่วนเรื่องจาน ชาม ช้อน โต๊ะ เก้าอี้ แก้วน้ำ เอาที่วัดได้ มีมากพอ
· เรื่องเต็นท์ที่จะตั้งในวันงาน เป็นเต็นท์ใหญ่ ยังไม่ได้ระบุจำนวน ค่าใช้จ่าย ทางเราเป็นผู้ออก
· เรื่องเบี้ยเลี้ยง มีเบี้ยเลี้ยงให้กับ รถสุขา รถพยาบาล เด็กนักเรียน (ช่วงนี้พี่โหน่งได้ตกอยู่ในภวังค์ ประมาณ ๓๐ วินาที เพราะมีหนุ่มหล่อล่ำ หน้าตาดี เข้ามาไหว้หลวงพ่อ)
· เรื่องพัดลม ที่วัดมีพัดลมตัวใหญ่ มีคนมาบริจาค ๑๒ ตัว
· เรื่องถังขยะ ให้ใช้ถุงดำ เพราะสะดวก ทิ้งง่าย การทิ้งขยะ ให้ อบต. เป็นผู้รับผิดชอบ
· เรื่องการจราจร ใช้ อ.ป.พ.ร. ของหมู่บ้าน ไม่ต้องใช้ตำรวจ เอามาทำไม
· เรื่องหนังสือเชิญ ถ้าจะเชิญผู้ใหญ่ จะต้องแจ้ง ให้ทำหนังสือเชิญ แต่เป็นแบบไม่เป็นทางการ ส่งมาให้ที่วัดก็ได้ แล้ววัดจะส่งต่อให้ มี นายอำเภอแก่งคอย, ผู้ว่าฯ, นายก อบต.ห้วยแข้ง ในหนังสือควรแจ้งกำหนดการของเราว่า ทำอะไรตอนไหน ทำนองว่า ท่านสะดวกเวลาไหน ให้มาเวลานั้น แต่ถ้าให้ดี เราควรบอกไปว่า ผู้ใหญ่ทางฝ่ายเรามีใครบ้าง และแต่ละท่านมากันกี่โมง เพราะอยากให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเรา กับผู้ใหญ่ฝ่ายสระบุรีได้เจอกัน
· เรื่องต้นไม้ต้นแรกที่ประธานจะปลูก จะมีพระสงฆ์สวดชยันโตให้ เช่นผู้ใหญ่ปลูกพร้อมกัน ๙ คน ๙ ต้น ก็จะมีพระ ๙ รูปไปประจำที่หลุม แล้วพระทั้งหมดก็จะสวดพร้อมๆกัน
· เรื่องพระที่จะนิมนต์มาฉันเพล มีไม่เกิน ๓๐ รูป
· เรื่องเครื่องเสียง ทางวัดจะจัดหามาให้
· เรื่องใบประกาศโฆษณางาน ให้ทางเราออกแบบให้ด้วย ทำเป็น CUT OUTใหญ่ และPOSTER พร้อมกับทำป้ายบอกทางด้วย เสร็จแล้ว ส่งแบบไปที่หลวงพ่อ ทางวัดจะจัดการพิมพ์ และออกค่าใช้จ่ายเอง
๑๕.๔๓ น. สิ้นสุดการคุยกับหลวงพ่อ เหมี่ยวรีบคว้ากุญแจรถแล้ววิ่งไป START รถรอเลย เรามุ่งหน้าไปต่อกันที่ วัดเขาขี้เหล็ก
เราเลี้ยวซ้ายออกมาทางถนนตัดใหม่ อ้อมไปทางสระบุรี เพื่อทำแผนที่ เหมี่ยวบอกที่สวยดี เราแวะซื้อกันคนละแปลงสองแปลงไหม ทั้งรถเงียบ แต่คนที่เงียบที่สุดก็คือพี่โหน่ง พวกเราถามว่าเป็นอะไร พี่โหน่งบอกว่า น้องคนนั้นเค้าหล่อดีเน๊อะ หมู่มวลเริ่มรำคาญมาก บอกนี่เรามาทำบุญกันนะ ในวัดก็ไม่เว้น พี่โหน่งก็เปรยๆเรื่องฝน เดี๋ยวตก เดี๋ยวไม่ตก เหมี่ยวบอกว่า จะบ่นทำไม พี่โหน่งบอก ไม่ได้บ่น แค่เปรยๆ ให้หมามันทัก ดีนะที่เหมี่ยวมันเข้าใจพี่โหน่ง ม่ายงั้นสงสัยมีการหักรถให้โดนชนด้านพี่โหน่งแน่
พอเรา U-TURN เพื่อไปทางสระบุรี พี่โหน่งตะโกนเสียงดังมาจากข้างหลังอีกว่า นี่เราไม่ไปวัดแล้วเหรอ เราจะแวะกินข้าวที่เกียวอันกันใช่ไหม ดีใจจัง หมู่มวลต้องอธิบายเป็นเวลานานว่า ที่เรามาทางนี้ เพราะต้องให้ผมทำแผนที่ต่างหาก ไม่ใช่ไปเกียวอัน
หลังจากระอากับพี่โหน่งแล้ว สักพักใหญ่ๆ เราก็เดินทางมาถึงวัดเขาขี้เหล็ก ระหว่างทางเห็นต้นข้าวกำลังหนุ่ม สีเขียวสวยงามมาก เชื่อว่าตอนที่เรามาทำบุญปลูกต้นไม้กัน พวกท่านก็คงจะเห็น ที่วัดเขาขี้เหล็ก ได้มีการถากถางบริเวณรอบๆวัดไปบ้างแล้ว เราเดินดูและถ่ายรูปเอาไว้ให้ดูกัน เมื่อถึงเวลาอันควรเราก็เดินทางกลับ เพราะพี่โหน่งบอกว่า ไม่อยากเสียค่าจอดรถที่ บองมาเช่ เยอะ
๑๗.๐๐ น. เราเดินทางออกจากวัดเขาขี้เหล็ก แวะดูและถ่ายรูปที่โรงเรียนวัดศรัทธาเรืองศรี และที่วัดบ้านไร่ สถานที่ๆพวกเราจะนำรถมาจอดกัน แล้วเดินทางกลับกรุงเทพ
ขากลับ เหมี่ยวหยิบ CD เพลงเก่า สมัย ๗๐’s พวกเราเริ่มกระชุ่มกระชวยกันอีกครั้ง ต่างคนต่างแหกปากร้องเพลงกัน เช่นเพลง IRON HORSE, SATURDAY NIGHT FEVER สลับกับเล่าว่า เพลงนี้ตอนนั้นเต้นยังไง เที่ยวกันที่ไหน แต่ส่วนใหญ่เหมี่ยวจะร้องเพลง สลับกับเสียงพี่โหน่งรำพึงเบาๆว่า “ตอแหล” เป็นระยะๆ พอเราถามว่าไปว่าเหมี่ยวทำไม พี่โหน่งบอก ไม่ได้ว่าเหมี่ยว ชั้นว่าเนื้อเพลงย่ะ เนื้อเพลงมันฟังแล้วตอแหล ดี่นะที่พวกเราเชื่อ
๑๘.๓๐ เราฝ่าฟันรถติดในกรุงเทพ มาถึง บองมาเช่ โดยสวัสดิภาพ ดีนะที่เหมี่ยวกับพี่โหน่งไม่ฆ่ากันเสียก่อน แล้วต่างคนต่างก็บอกว่า หิวข้าว อยากไปทานที่ เกียวอันอีก ก็เลยวางแผนกันว่า วันที่ ๑๑ และวันที่ ๑๒ ก.ค. นี้ เราจะไปสระบุรีกันอีก แล้วจะมาเล่าความคืบหน้าให้ฟังกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
แก้ว ชาญวุฒิ
ผู้จดบันทึกทางบุญ

ไม่มีความคิดเห็น: